เมื่อ "จาการ์ตา" คือเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในโลก... กรุงเทพฯ ต้องเรียนรู้อะไร? ​ช็อก! จาการ์ตา แซงโตเกียว ขึ้นแท่น "มหานครที่มีประชากรมากที่สุดในโลก" แล้ว

เมื่อ "จาการ์ตา" คือเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในโลก... กรุงเทพฯ ต้องเรียนรู้อะไร? ​ช็อก! จาการ์ตา แซงโตเกียว ขึ้นแท่น "มหานครที่มีประชากรมากที่สุดในโลก" แล้ว



เพื่อนบ้านอาเซียนของเราอย่าง กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ได้สร้างปรากฏการณ์ระดับโลก เมื่อรายงานล่าสุดของสหประชาชาติ (UN) ระบุว่า จาการ์ตาและปริมณฑลได้ก้าวขึ้นเป็น เมืองที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในโลก แซงหน้าโตเกียวไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยจำนวนประชากรที่สูงถึงประมาณ 41.9 ล้านคน
​ ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของเอเชีย โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นศูนย์รวมของมหานครขนาดใหญ่ 9 ใน 10 อันดับแรกของโลก

​ บริบทของประเทศไทย: มหานครในอาเซียนที่กำลังเผชิญความท้าทายคล้ายๆกัน
​แม้ว่า กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ของเราจะมีประชากรประมาณ 11-12 ล้านคน ซึ่งถือว่าน้อยกว่าจาการ์ตาถึงเกือบ 3-4 เท่า แต่ข่าวนี้ก็เป็นกระจกสะท้อนให้เราเห็นถึงชะตากรรมร่วมกันของมหานครในภูมิภาคนี้:
• ​ปัญหามาพร้อมการเติบโต: การเติบโตแบบ "เมกะซิตี้" ของจาการ์ตา นำมาซึ่งปัญหาความแออัดสูงสุด เช่น การจราจรติดขัดสาหัส, มลพิษ, และปัญหาน้ำท่วม ที่หนักหน่วง จนรัฐบาลอินโดนีเซียต้องตัดสินใจ ย้ายเมืองหลวง ไปยังนูซันตาราบนเกาะบอร์เนียว เพื่อลดความกดดันและแก้ปัญหาวิกฤตเมืองจม

• ​กรุงเทพฯ หนีไม่พ้น: กรุงเทพฯ เองก็ประสบปัญหาหลักไม่ต่างกัน ทั้ง รถติดจนขึ้นชื่อ, น้ำท่วมขังเรื้อรัง และการกระจุกตัวของโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคม ที่ทำให้คนต้องหลั่งไหลเข้าเมืองหลวงอย่างต่อเนื่อง จนเกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำและการจัดการเมือง

คำถามสำหรับผู้ประกอบการไทย: การที่อินโดนีเซียเลือกย้ายเมืองหลวงเพื่อหนีปัญหา "เมืองจม" และความแออัดของจาการ์ตา เป็นสัญญาณเตือนสำคัญสำหรับเราหรือไม่?

​เราควรคิดที่จะจัดการ "กรุงเทพฯ" และ "ประเทศไทย" อย่างไร?
​การเติบโตของจาการ์ตาเป็นบทเรียนว่า การพัฒนาที่ไร้การวางแผนอย่างยั่งยืนสามารถสร้างความท้าทายขนาดใหญ่ที่ยากจะแก้ไขได้ เราคงไม่ต้องย้ายเมืองหลวง แต่เราต้องคิดว่า:
• ​เราจะกระจายความเจริญ (Decentralization) ออกจากกรุงเทพฯ ได้อย่างไร?
เพื่อลดภาระของมหานครแห่งนี้
• ​เราจะเร่งรัดการวางผังเมืองและโครงสร้างพื้นฐานที่รับมือกับวิกฤตสิ่งแวดล้อม (เช่น น้ำท่วม และภาวะโลกร้อน) ได้ดีขึ้นแค่ไหน?
​และสุดท้าย คุณคิดว่า "กรุงเทพฯ" ควรเรียนรู้หรือรับมือกับปรากฏการณ์ "เมกะซิตี้" ในอาเซียนอย่างไร? ลองแชร์ความคิดเห็นกันครับ