แนวคิด “Digital Nomad” กับโลกธุรกิจที่เปลี่ยนไปการที่ผู้คนเริ่มเลือกรูปแบบชีวิตที่ “เดินทางไปได้ ทำงานได้”

แนวคิด “Digital Nomad” กับโลกธุรกิจที่เปลี่ยนไปการที่ผู้คนเริ่มเลือกรูปแบบชีวิตที่ “เดินทางไปได้ ทำงานได้”

ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับออฟฟิศเมืองใหญ่แต่ใช้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เครื่องมือดิจิทัล และโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับชีวิต-งานจึงพลิกรูปแบบได้ในไทย / อาเซียน แนวโน้มนี้เริ่มเห็นการเบ่งตัว —คนบางกลุ่มทำงานข้ามจังหวัด ข้ามประเทศได้นักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวแล้ว “พักอยู่ยาว” — กลายเป็น Digital Nomadนักเรียน / freelancer / สตาร์ทอัป / คนที่อยากลดค่าใช้จ่าย / ย้ายที่อยู่ไปที่ที่สุขภาพดี ค่าใช้จ่ายถูกเมื่อคนกลุ่มนี้เพิ่มขึ้น — เขาจะมีความต้องการพื้นฐานในการใช้ชีวิต เช่น ที่พัก, พื้นที่ทำงาน (co-working), ร้านกาแฟพร้อม Wi-Fi, บริการซัพพอร์ตด้านภาษี /กฎหมาย /การเงิน /การเคลื่อนย้าย (visa / work permit) ฯลฯหมายความว่า: มี “ตลาดใหม่” เกิดขึ้น — ตลาดที่ไม่ใช่แค่ให้บริการท่องเที่ยว แต่ให้บริการ “ชีวิตและงานแบบเคลื่อนที่” ทั้งหมด ผลกระทบต่อภูมิภาคไทยย้ายฐานชีวิต / ย้ายถิ่นฐานไประยะยาว จังหวัดที่เคยเป็น “แหล่งท่องเที่ยว” อาจกลายเป็น “แหล่งชีวิต-งาน” เช่น ภูเก็ต, เชียงใหม่, สมุย, เกาะเสม็ด ต้องมีโครงสร้างพื้นฐาน (เน็ตดี, ไฟเสถียร, co-working,บริการพื้นฐานรองรับ)การแข่งขันด้านบริการรองรับชีวิต-งาน โรงแรม / รีสอร์ต / ที่พักระยะยาว / บริการแม่บ้าน /คาเฟ่ / co-working /ศูนย์บริการสำหรับชาวต่างชาติ ถ้าบริการไม่ดี ไม่ปลอดภัย — จะสูญเสียลูกค้าให้ประเทศอื่นการเคลื่อนย้ายแรงงาน /ผู้เชี่ยวชาญ บริษัทไทยอาจจ้างคนจากต่างจังหวัด/ต่างประเทศให้ทำงานแบบ remote ได้ง่ายกว่าเดิม ภาษี / กฎหมายแรงงาน /การคุ้มครองแรงงาน /สัญญาจ้างงานต้องปรับให้เหมาะกับโลกดิจิทัล สินค้า / บริการเสริมชีวิต Nomad ประกันสุขภาพระยะสั้น, บริการย้ายที่อยู่, บริการภาษี /บัญชี /กฎหมายสำหรับ nomad, บริการซิม /อินเทอร์เน็ต / VPN ฯลฯ ต้องสร้างความเชื่อถือ — เพราะลูกค้า nomad มักเป็นกลุ่มที่สนใจคุณภาพ /รีวิว /ความปลอดภัยการกระจายรายได้สู่ชุมชนท้องถิ่น ชุมชนเล็ก ๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากเมือง /ธรรมชาติ — อาจรับนักเดินทาง/ nomad เข้ามาอยู่อาศัยระยะยาว — เกื้อหนุนธุรกิจอาหาร, ร้านกาแฟ, บริการท้องถิ่น ชุมชนอาจไม่พร้อมเรื่องการต้อนรับ /ระบบพื้นฐาน /ภาษา /กฎหมายท้องถิ่น